More
    HomeBusinessKPMG เผยการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    KPMG เผยการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    • การเติบโตอย่างต่อเนื่องของการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) เป็นผลจากธุรกิจไทยที่ขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ การเพิ่มการลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาด (private equity funds) และธุรกิจที่ต้องการหาตลาดใหม่ในการลงทุนและเพิ่มมูลค่าให้แก่องค์กร
    • ธุรกิจไทยสามารถใช้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการควบรวมและซื้อกิจการโดยการหาผู้ร่วมทุนในกิจการร่วมค้า (joint venture) หรือพันธมิตรทางธุรกิจต่าง ๆ
    • เคพีเอ็มจี กล่าวว่าในประเทศไทยการเจรจาต่อรองซื้อขายกิจการที่ไม่สำเร็จส่วนใหญ่เป็นผลจากประเด็นต่างๆ ที่พบจากการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะธุรกิจ (due diligence)
    • บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดการความแตกต่างทางวัฒนธรรมองค์กรระหว่างสองบริษัทที่ควบรวมกัน เคพีเอ็มจี กล่าว
    • การควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยยังคงมีอนาคตที่เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป

    การสำรวจบริษัทที่มีส่วนร่วมในการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยโดย เคพีเอ็มจี แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีความต้องการควบรวมและซื้อกิจการ ประเทศไทยอยู่ในจุดที่เหมาะจะใช้ประโยชน์จากการที่บริษัททั่วโลกยังคงมีความต้องการซื้อขายกิจการ การสำรวจยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายและข้อดีจากการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยทั้งที่ทำสำเร็จและไม่สำเร็จ นับเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับธุรกิจที่กำลังพิจารณาการซื้อ ขาย หรือ จัดตั้งกิจการร่วมค้ากับธุรกิจอื่น

    kpmg-canada

    ประเทศไทยมีการควบรวมและซื้อกิจการเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่าน ๆ มา ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทั่วโลกที่ผู้บริหารระดับสูงสุดต่างต้องการการควบรวมและซื้อกิจการ และเพิ่มพันธมิตรเพื่อการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งนอกจากการควบรวมและซื้อกิจการในลักษณะที่เห็นเดิมคือ การควบรวมและซื้อกิจการขนาดเล็กถึงขนาดกลางภายในประเทศและการลงทุนโดยตรงจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังมีการลงทุนจาก private equity และบริษัทข้ามชาติอีกด้วย และธุรกิจไทยเองยังมีการลงทุนในประเทศและนอกประเทศอีกมากเนื่องจากหลายบริษัทกำลังผันตัวเป็นธุรกิจระดับโลกอย่างแท้จริง

    โดยเฉพาะการลงทุนจาก private equity ทั้งจากกองทุนในประเทศและระดับภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น ที่ต่างให้ความสำคัญกับการลงทุนในกองทุนขนาดเล็กและช่วง early-stage ในประเทศไทย ตลอดจนถึงกองทุนระดับโลกที่มีการทำธุรกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ในลักษณะเดียวกัน บริษัททั่วโลกที่ต้องการขยายกิจการยังคงมองว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต แต่โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อเข้าถึงตลาด ลูกค้า และเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยที่สองในสามของบริษัท ที่ได้ทำการสำรวจระบุว่า การขยายตลาดเป็นแรงจูงใจหลักในการทำ M&A

    ผู้ตอบแบบสอบถามยังระบุด้วยว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นตลาดหลักสำหรับกิจกรรมการควบรวมและซื้อกิจการในอนาคตอันใกล้ โดยร้อยละ 88 ระบุว่าพวกเขาคาดว่าจะทำข้อตกลงอย่างน้อยหนึ่งครั้งในประเทศไทยในอีกห้าปีข้างหน้า และร้อยละ 27 คาดว่าจะทำอย่างน้อยสี่ครั้ง ผู้ตอบแบบสอบถามยังแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายที่น่าดึงดูดสำหรับการควบรวมและซื้อกิจการมากกว่ากลุ่มประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเพียงประเทศเวียดนามเท่านั้นที่จะสามารถแข่งขันกับประเทศไทยได้ในแง่ของความน่าดึงดูด

    การสำรวจยังบ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อมีการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทย และที่สำคัญยังแสดงให้เห็นถึงสาเหตุในกรณีที่การควบรวมและซื้อกิจการนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ โดยการทำความเข้าใจและการเรียนรู้จากความท้าทายเหล่านี้ จะทำให้ทั้งผู้ขายและนักลงทุนสามารถเตรียมพร้อมและจัดการกับการควบรวมและซื้อกิจการได้ดียิ่งขึ้น

    ไม่น่าแปลกใจที่ความท้าทายหลักที่พบคือวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการ due diligence โดยปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือ ประเด็นด้านกฎหมาย ความเสี่ยงด้านภาษี และการบันทึกทางการเงินที่ขาดคุณภาพและความซื่อสัตย์สุจริต เคพีเอ็มจี กล่าวว่าปัญหาเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ถ้าผู้ขายเตรียมการเร็วขึ้น เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าใจถึงสถานะทางการเงิน การค้า และกฎหมายของธุรกิจและโครงสร้างที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น เคพีเอ็มจี ระบุว่า ได้มีการให้บริการแก่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายบ่อยขึ้นและให้บริการตั้งแต่เริ่มต้นเป็นจำนวนมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การควบรวมและซื้อกิจการมีแนวโน้มสำเร็จมากขึ้น

    ความท้าทายหลักที่พบภายหลังการควบรวมและซื้อกิจการ (post-deal) คือ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมองค์กรและการบริหาร (ร้อยละ 71) ความสอดคล้องของกลยุทธ์ทางธุรกิจ (ร้อยละ 54) และการปรับเปลี่ยนภายในองค์กร (ร้อยละ 43) ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ตัวเลขเหล่านี้สูง เนื่องจากธุรกิจมากกว่าครึ่งที่ทำการสำรวจไม่ได้มีการวางแผนอย่างจริงจังเกี่ยวกับวิธีจัดการรวมธุรกิจทั้งสองเข้าด้วยกัน (integration planning) หลังการทำข้อตกลงควบรวมกิจการสำเร็จ หนึ่งในประเด็นเรียนรู้สำคัญที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ คือความสำคัญของการวางแผนการจัดการการรวมกิจการทั้งสองเข้าด้วยกันตั้งแต่วันแรก ไปจนถึงอย่างน้อย 100 วันภายหลังการควบรวมและซื้อกิจการ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้การซื้อขายกิจการประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

    แนวโน้มการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยยังคงจะดำเนินต่อไปในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน การรอดูท่าทีสถานการณ์อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป ธุรกิจในประเทศไทยจึงควรใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้ และในขณะที่สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต การตระหนักถึงข้อผิดพลาดและโอกาสของการควบรวมและซื้อกิจการและการเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อ การขาย หรือการเป็นพันธมิตรกับธุรกิจอื่น ๆ ควรเป็นส่วนหนึ่งของวาระสำคัญขององค์กร

    สามารถอ่านรายงาน Doing Deals in Thailand ฉบับเต็มได้ที่ https://home.kpmg/th/en/home/insights/2019/02/doing-deals-in-thailand.html

    กองบรรณาธิการ
    กองบรรณาธิการhttps://www.digitday.com/
    DIGITDAY.COM = Digital + Day | ในยุคดิจิทัลมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทุก ๆ วินาที การเรียนรู้เรื่องของเทคโนโลยีและเลือกใช้อย่างเท่าทัน จะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว

    LEAVE A REPLY

    Please enter your comment!
    Please enter your name here

    Follow Us

    30,938FansLike
    98FollowersFollow
    180FollowersFollow
    1,027FollowersFollow
    80SubscribersSubscribe

    Must Read